อานิสงส์สร้างธรรมาสน์
เมณฑก สมปรารถนาได้เป็นเศรษฐี ด้วยผลที่ท่านมีใจเจตนาดี หรือหวังดีต่อพระศาสนา สร้างธรรมมาสน์ถวายเป็นทานแก่พระพุทธเจ้าวิปัสสี
ครั้งหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร พรั่งพร้อมด้วยพระสาวกทั้งหลาย มีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อ เมณฑก ที่ได้ชื่อเช่นนั้นเพราะเศรษฐีนั้น มีรูปแพะทองคำอันมีฤทธานุภาพมาก ภิกษุสงฆ์จึงได้โจทนากันอยู่ในคันธกุฎี
ในกาลครั้งนั้นสมเด็จพระบรมศาสดา ได้ตรัสพระธรรมเทศนาว่า…
…..ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในกาลครั้งหนึ่ง เมณฑกเศรษฐี ท่านได้เกิดมาในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี เมณฑกเศรษฐีในตอนนั้นมีนามว่า อินทะเศรษฐี ท่านมีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนา ได้สละทรัพย์ และน้ำพักน้ำแรงออกก่อสร้างธรรมาสน์ ถวายเป็นทานแก่พระพุทธเจ้าวิปัสสี เพื่อนั่งแสดงพระธรรมเทศนา และได้สร้างรูปแพะทองคำอีก 5 ตัว รองเป็นบันไดขึ้น เพื่อเสด็จไปเทศน์ได้โดยสะดวก เมื่อเสร็จแล้วท่านก็ได้ถวายแก่พระวิปัสสีพุทธเจ้า พร้อมทั้งตั้งความปณิธานว่า…ขอให้ข้าพเจ้าได้สำเร็จด้วยฤทธิ์แพะทองคำนี้เถิด
กาลต่อมาครั้นสิ้นอายุขัย เศรษฐีนั้นได้ไปเกิดบนสวรรค์ มีวิมานทองสูงได้ 10 โยชน์ มีนางฟ้าเทพอัปสรพันหนึ่งเป็นบริวาร วิมานนั้นประกอบด้วยแก้ว 7 ประการ อันรุ่งเรืองลือชาปรากฏในเทวโลก ท่านมีชื่อว่า อินทกเทวบุตร ครั้นจุติจากชั้นดาวดึงส์ ก็ได้มาบังเกิดในเมืองพาราณสี ได้เป็นมหาเศรษฐีมีข้าวของเป็นอันมาก หาที่จะนับจะประมาณได้ ครั้นสิ้นชีพอายุขัยก็ได้นำตนไปอุบัติในเทวโลก อันเป็นเทวสถานอันอุดมโอฬารไพศาลของพวกเทพนิกรอีกครั้ง จนกระทั่งถึงศาสนาแห่งพระพุทธเจ้าของเรา จึงก็ได้จุติจากเทวโลกมาบังเกิดเป็นเมณฑกเศรษฐี ครั้นเมณฑกกุมารเจริญวัยขึ้นได้ 16 ปีนั้น แพะทองคำก็จึงทำฤทธิ์ ให้เงินทองข้าวของในท้องแพะนั้นไหลออกมาเป็นอันมาก เมณฑกกุมารได้เสวยซึ่งสมบัติข้าวของเหล่านั้นจึงมีนามว่า เมณฑกเศรษฐี ก็ด้วยผลที่ท่านมีใจเจตนาดี หรือหวังดีต่อพระศาสนา ต้องการสร้างถาวรวัตถุให้เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน จนตลอดมาถึงทุกวันนี้ก็ย่อมได้รับอานิสงส์ตามความปรารถนาของท่าน
เครดิตบทความต้นฉบับ : www.84000.org