อานิสงส์ถวายผ้าจำนำพรรษา
บุคคลผู้ใดมีศรัทธา ได้ถวายผ้าจำนำพรรษาแก่ภิกษุสงฆ์ มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้น บุคคลผู้นั้นเบื้องหน้าแต่แตกกายทำลายขันธ์ ย่อมมีสุคติเป็นที่ไป
…..เมื่อสมัยครั้งพระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร กรุงสาวัตถี มีอุบาสกคนหนึ่งเป็นผู้มีศรัทธาต่อพระรัตนตรัย ชื่อว่า ติสสะ ได้พร้อมใจกับภรรยาของตนเย็บและย้อมจีวรสบงสังฆาฏิ พอถวายเสร็จแล้วก็ทูลลากลับไปสู่เคหาของตน
ในกาลครั้งนั้นพระโมคคัลลานะ ได้ขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พบเห็นปราสาทมีความงามรุ่งเรืองกว่าปราสาทหลังอื่นๆ และมีนางเทพกัญญา พันหนึ่งแวดล้อมปราสาทนั้น แต่ไม่มีเทพบุตรอยู่ในปราสาทหลังนั้น พระเถระเจ้าได้ไต่ถามกับนางเทพอัปสรนั้น พอทราบความแล้ว จึงลงจากเทวโลกเข้าไปสู่สำนักพระบรมศาสดา ซึ่งกำลังมีพุทธบริษัท ๔ แวดล้อมอยู่ พระเถระเข้าไปถวายอภิวาท
แล้วก็ทูลถามถึงอานิสงส์ถวายผ้าจำนำพรรษาว่า…
“ปราสาททิพย์ได้รอคอยอยู่ในเทวโลก เพราะเกิดจากผลทานของการถวายผ้าจำนำพรรษา จะมีบ้างไหมพระพุทธเจ้าข้า”
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า…
“ดูกรโมคคัลลานะ ผ้าจำนำพรรษา ที่ติสสะอุบาสก ได้กระทำไว้นั้น ก็ได้ปรากฏแก่เธอเองแล้วมิใช่หรือ”
พระโมคคัลลานะทูลตอบว่า…
“จริงแล้วพระเจ้าข้า”
สมเด็จภวันต์ตรัสต่อไปว่า…
“โมคคัลลานะ บุคคลผู้ใดมีศรัทธา ได้ถวายผ้าจำนำพรรษาแก่ภิกษุสงฆ์ มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้น บุคคลผู้นั้นเบื้องหน้าแต่แตกกายทำลายขันธ์ ไปย่อมมีสุคติเป็นที่ไป “ทานสคฺคโสปาณํ” ผลทานเป็นบันไดนำไปสู่สวรรค์ ปิดกันเสียซึ่งอบายภูมิ บุคคลผู้มีมืออันชุ่มไปด้วยการให้ทาน หมู่ทวยเทพทั้งหลายย่อมมีความยินดีสรรเสริญ รอคอยบุคคลผู้ให้ทานนั้นอยู่เสมอ ดุจนางอัปสรเทพกัญญารอคอยติสสะอุบาสกฉะนั้น”
เมื่อจบพระสัทธรรมเทศนาลง พุทธบริษัททั้ง ๔ มีความรื่นเริง ยินดีในพุทธพจน์นัก กลับเป็นผู้ตั้งอยู่ในกุศลสัมมาปฏิบัติเป็นจำนวนมาก ฝ่ายติสสะอุบาสก ครั้นทำลายขันธ์ลงก็นำตนไปอุบัติขึ้นในสัตตรัตนปราสาท เสวยสมบัติอันเป็นทิพย์ มีนางอัปสรแวดล้อมเป็นยศบริวาร
เครดิตบทความต้นฉบับ : www.84000.org